ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
อดีตพยาบาล ผู้เคยทำงานใกล้ชิดผู้สูงอายุ ตัดสินใจขอพ้นทุกข์ จบชีวิตตัวเองที่คลินิกช่วยเหลือการฆ่าตัวตาย หลังรับไม่ได้ที่สักวันจะต้องแก่
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2558 เว็บไซต์เทเลกราฟ รายงานว่า อดีตพยาบาลชาวอังกฤษที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ได้ตัดสินใจขอจบชีวิตของตัวเองในคลินิกช่วยเหลือการฆ่าตัวตายในสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากอดีตพยาบาลคนนี้มีประสบการณ์มาแล้วว่า การมีชีวิตแบบคนแก่นั้นไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว
ทั้งนี้ นางจิล ฟาโรห์ วัย 75 ปี อดีตพยาบาลที่ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงใด ๆ ได้เผยว่า เธอได้เห็นภาพของคนแก่มามาก จนรู้สึกว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่าง เธอต้องลงมือที่จะจบชีวิตของตัวเองในขณะที่เธอเองยังสามารถทำได้
รายงานระบุว่า ก่อนที่ นางจิล ฟาโรห์ จะเสียชีวิต เธอได้ให้สัมภาษณ์ขณะที่อยู่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ประสบการณ์ของเธอในฐานะของพยาบาล รวมถึงการทำงานในบ้านพักคนชรา ได้แสดงให้เธอเห็นว่าความจริงของชีวิตว่า การมีชีวิตอยู่อย่างคนแก่นั้นมันแย่มาก เธอเองต้องคอยดูแลคนแก่ตลอดชีวิตของเธอ และเธอก็บอกกับตัวเองว่า เธอจะไม่ยอมแก่ และเธอไม่คิดว่าความแก่เป็นเรื่องสนุก เธอไม่ต้องการให้คนอื่นจำเธอว่าเป็นคุณยายเดินกะเผลกไปตามถนนขณะที่ต้องใช้ไม้ช่วยพยุงตัว
นอกจากนี้ จิลเอง ยังได้เขียนบทความที่ชื่อว่า My Last Word เกี่ยวกับเหตุผลที่เธอตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง ว่า เธอเองต้องลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เนื่องจากไม่มีใครสามารถลงมือทำแทนได้ ความคิดที่ว่าเธอเองอาจจะต้องขอยืมมือจากลูก ๆ มาช่วยนั้น ทำให้เธอรู้สึกกลัว เธอรู้ว่าคนแก่หลายคนต่างคาดหวัง และบางคนก็ออกคำสั่ง ให้ลูก ๆ ช่วยให้พ้นทุกข์ แต่สำหรับเธอแล้ว เธอมองว่าการกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวและไม่มีเหตุผล
"หากคุณได้ทำงานที่บ้านพักคนชรา และคุณต้องคอยปรนนิบัติคนที่ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะของตัวเองได้ คนที่ชอบพูดคำหยาบ คนที่เดินไปมารอบ ๆ ห้องแล้วหยิบนั่นหยิบนี่ขึ้นมาเฉย ๆ มันเป็นเรื่องที่ยาก และไม่ใช่งานที่คุณชอบแน่นอน"
อย่างไรก็ตาม จอห์น คู่ชีวิตของจิล ฟาโรห์ พร้อมด้วยลูก ๆ ต่างก็ให้การสนับสนุนความคิดนี้ แม้ว่า แครอน ลูกสาววัย 21 ปี จะต้องทนทรมานจากการตัดสินใจของแม่ก็ตาม
"นี่ไม่ใช่สิ่งที่จอห์นเลือก และไม่ใช่สิ่งที่ลูก ๆ เลือกที่จะเผชิญ แต่ทุกคนก็เคารพการตัดสินใจของฉัน ลูกของฉันเป็นพยาบาลเหมือนกัน และเธอบอกว่า ในทางปฏิบัติแล้ว หนูรู้ว่าทำไมแม่ถึงตัดสินใจแบบนั้น แต่สำหรับตัวหนูแล้ว หนูรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่รับได้ยาก และฉันก็รู้ว่ามันรับได้ยากจริง ๆ"
ส่วน จอห์น คู่ชีวิตของ จิล ฟาโรห์ ได้ออกมาบอกถึงเหตุการณ์ก่อนที่จิลจะจากไป ว่า ตลอดช่วงเย็นวันนั้นมีแต่ความสงบและความสนุก มันคือสิ่งที่เราทั้งสองคนต้องการ จิลคิดเรื่องนี้มาหลายปีและเขาเองก็ไม่ต้องการทำลายบรรยากาศด้วยการโศกเศร้าเสียใจ
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2558 เว็บไซต์เทเลกราฟ รายงานว่า อดีตพยาบาลชาวอังกฤษที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ได้ตัดสินใจขอจบชีวิตของตัวเองในคลินิกช่วยเหลือการฆ่าตัวตายในสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากอดีตพยาบาลคนนี้มีประสบการณ์มาแล้วว่า การมีชีวิตแบบคนแก่นั้นไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว
ทั้งนี้ นางจิล ฟาโรห์ วัย 75 ปี อดีตพยาบาลที่ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงใด ๆ ได้เผยว่า เธอได้เห็นภาพของคนแก่มามาก จนรู้สึกว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่าง เธอต้องลงมือที่จะจบชีวิตของตัวเองในขณะที่เธอเองยังสามารถทำได้
รายงานระบุว่า ก่อนที่ นางจิล ฟาโรห์ จะเสียชีวิต เธอได้ให้สัมภาษณ์ขณะที่อยู่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ประสบการณ์ของเธอในฐานะของพยาบาล รวมถึงการทำงานในบ้านพักคนชรา ได้แสดงให้เธอเห็นว่าความจริงของชีวิตว่า การมีชีวิตอยู่อย่างคนแก่นั้นมันแย่มาก เธอเองต้องคอยดูแลคนแก่ตลอดชีวิตของเธอ และเธอก็บอกกับตัวเองว่า เธอจะไม่ยอมแก่ และเธอไม่คิดว่าความแก่เป็นเรื่องสนุก เธอไม่ต้องการให้คนอื่นจำเธอว่าเป็นคุณยายเดินกะเผลกไปตามถนนขณะที่ต้องใช้ไม้ช่วยพยุงตัว
นอกจากนี้ จิลเอง ยังได้เขียนบทความที่ชื่อว่า My Last Word เกี่ยวกับเหตุผลที่เธอตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง ว่า เธอเองต้องลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เนื่องจากไม่มีใครสามารถลงมือทำแทนได้ ความคิดที่ว่าเธอเองอาจจะต้องขอยืมมือจากลูก ๆ มาช่วยนั้น ทำให้เธอรู้สึกกลัว เธอรู้ว่าคนแก่หลายคนต่างคาดหวัง และบางคนก็ออกคำสั่ง ให้ลูก ๆ ช่วยให้พ้นทุกข์ แต่สำหรับเธอแล้ว เธอมองว่าการกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวและไม่มีเหตุผล
"หากคุณได้ทำงานที่บ้านพักคนชรา และคุณต้องคอยปรนนิบัติคนที่ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะของตัวเองได้ คนที่ชอบพูดคำหยาบ คนที่เดินไปมารอบ ๆ ห้องแล้วหยิบนั่นหยิบนี่ขึ้นมาเฉย ๆ มันเป็นเรื่องที่ยาก และไม่ใช่งานที่คุณชอบแน่นอน"
อย่างไรก็ตาม จอห์น คู่ชีวิตของจิล ฟาโรห์ พร้อมด้วยลูก ๆ ต่างก็ให้การสนับสนุนความคิดนี้ แม้ว่า แครอน ลูกสาววัย 21 ปี จะต้องทนทรมานจากการตัดสินใจของแม่ก็ตาม
"นี่ไม่ใช่สิ่งที่จอห์นเลือก และไม่ใช่สิ่งที่ลูก ๆ เลือกที่จะเผชิญ แต่ทุกคนก็เคารพการตัดสินใจของฉัน ลูกของฉันเป็นพยาบาลเหมือนกัน และเธอบอกว่า ในทางปฏิบัติแล้ว หนูรู้ว่าทำไมแม่ถึงตัดสินใจแบบนั้น แต่สำหรับตัวหนูแล้ว หนูรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่รับได้ยาก และฉันก็รู้ว่ามันรับได้ยากจริง ๆ"
ส่วน จอห์น คู่ชีวิตของ จิล ฟาโรห์ ได้ออกมาบอกถึงเหตุการณ์ก่อนที่จิลจะจากไป ว่า ตลอดช่วงเย็นวันนั้นมีแต่ความสงบและความสนุก มันคือสิ่งที่เราทั้งสองคนต้องการ จิลคิดเรื่องนี้มาหลายปีและเขาเองก็ไม่ต้องการทำลายบรรยากาศด้วยการโศกเศร้าเสียใจ
ที่มา:kapook.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น